ซุปเปอร์สตาร์! 5 นักเตะที่ค่าตัวแพงที่สุดในพรีเมียร์ลีก

พรีเมียร์ลีก

ซุปเปอร์สตาร์! 5 นักเตะที่ค่าตัวแพงที่สุดในพรีเมียร์ลีก

พรีเมียร์ลีก 2023/24 ถูดูกาลนี้ บอกได้เลยว่า เดือดทุกแมทซ์ มีอะไรให้น่าติดตามเยอะ ไม่ว่าจะเป็นกฎใหม่ในพรีเมียร์ลีก การเปลี่ยนตัวโค้ช การลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก และอีกอย่างที่น่าสนใจคือการซื้อขายนักเตะค่อนข้างดุเดือดเลยทีเดียว 

การซื้อขายนักเตะ เปรียบเสมือน “เกมพลิกโฉม” ของทีม เปรียบเสมือนการ์ดลับที่สามารถพลิกผันชะตาของทีมให้พุ่งทะยานสู่ความสำเร็จ หรืออาจพังทลายลงได้ในชั่วพริบตา การตัดสินใจซื้อหรือขายนักเตะแต่ละคนจึงเปรียบเสมือนเดิมพันที่ยิ่งใหญ่

เบื้องหลังตลาดซื้อขายนักเตะ เต็มไปด้วย “กลเกมเงินทุน” ของสโมสรใหญ่ๆ ที่พร้อมทุ่มเงินมหาศาลเพื่อคว้าตัวดาวดัง แม้บางครั้งจะเกินจริงจนสร้างความไม่สมดุลในระบบเศรษฐกิจของวงการฟุตบอล

สำหรับนักเตะ การย้ายทีม เปรียบเสมือน “โอกาสใหม่” ในการพัฒนาฝีมือ ท้าทายขีดจำกัด หรือค้นหาความท้าทายใหม่ๆ ในเส้นทางอาชีพ

วันนี้เราจะพาไปดู ดาวรุ่งพุ่งแรง 5 คนที่ค่าตัวแพงที่สุดในพรีเมียร์ลีก จะมีใครบ้างไปดูกันเลย..

มอยเซส ไกเซโด้

1.มอยเซส ไกเซโด้ (เชลซี) - 115 ล้านปอนด์

มอยเซส อิซาอัก ไกเซโด โกโรโซ (Moisés Isaac Caicedo Corozo) หรืออีกฉายา “โม” เกิดวันที่ 2 พฤศจิกายน 2001 โมเป็นนักฟุตบอลชาวเอกวาดอร์ ปัจจุบันเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรับให้กับสโมสรเชลซีในพรีเมียร์ลีก และทีมชาติเอกวาดอร์

จากเด็กขายพวงมาลัย สู่ดาวรุ่งค่าตัว 115 ล้านปอนด์ : ไกเซโด เติบโตมาในครอบครัวที่ยากจน ในวัยเด็กเขาเคยช่วยแม่ขายพวงมาลัยในเทศกาล Día de los Muertos

เขาเริ่มเล่นฟุตบอลกับสโมสรอินดิเพนเดียนเต เดล วัลเล ในบ้านเกิด ก่อนจะย้ายมาสู่สโมสรไบรท์ตันแอนด์โฮฟอัลเบียนในอังกฤษ

ไกเซโด ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว เขาแจ้งเกิดในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2022-2023 ด้วยผลงานอันโดดเด่น พาไบรท์ตันจบอันดับ 6 ของตารางคะแนน คว้าโควต้าไปเล่นยูโรป้าคอนเฟอเรนซ์ลีก

14 สิงหาคม 2023 ไกเซโด ย้ายไปร่วมทีมเชลซี ด้วยค่าตัว 115 ล้านปอนด์ กลายเป็นนักฟุตบอลค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกตอนนี้เลยก็ว่าได้ ด้วยตำแหน่งกองกลางตัวรับ เป็นตำแหน่งที่สำคัญและหายาก ไกเซโด้ เล่นได้อย่างดุดัน แต่ไม่รุนแรง เขาสามารถแย่งบอลได้ดี 

มอยเซส ไกเซโด้  กลายเป็นดาวรุ่งที่น่าจับตามองมากที่สุดคนหนึ่งของวงการฟุตบอลโลก  ด้วยพรสวรรค์ ทักษะ และความมุ่งมั่น  เชื่อว่าเขาจะประสบความสำเร็จบนเส้นทางค้าแข้ง  และค่าตัว 100 ล้านปอนด์  อาจจะกลายเป็น “ของถูก” ไปเลยในอนาคตกับประสบการณ์และฝีเท้าของโม

เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ

2.เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ (เชลซี) - 106.8 ล้านปอนด์

เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ (Enzo Jeremías Fernández) ฉายาของเขาคือ “El Principito” (เจ้าชายน้อย) เกิดเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2001 ในย่านซานมาร์ติน กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เฟร์นานเดซเริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุ 5 ขวบ กับสโมสรท้องถิ่น คลับ ลา เรโคว่า 

เข้าร่วมศูนย์ฝึกเยาวชนของริเวอร์เพลท ตอนอายุ 5 ขวบ โปรโมตสู่ทีมชุดใหญ่ปี 2019 แจ้งเกิดในปี 2022 กับผลงานโดดเด่นในฟุตบอลโลก กับทีมชาติอาร์เจนตินา เขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ยิงประตูสำคัญ และช่วยทีมคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 3 ไปได้

เฟร์นานเดซ เล่นได้ทั้งมิดฟิลด์ตัวกลางและมิดฟิลด์ตัวรุก เทคนิคดี จ่ายบอลแม่นยำ ควบคุมเกมได้ดี

มีวิสัยทัศน์ ยิงประตูได้ สไตล์การเล่นคล้ายชาบี เอร์นานเดซ ตำนานบาร์เซโลนา

1 กุมภาพันธ์ 2566 เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ เซ็นสัญญากัเชลซีอย่างเป็นทางการ โดยเขาเซ็นสัญญายาวถึงปี 2031 และสวมเสื้อหมายเลข 5 ค่าตัวของเขาอยู่ที่ 106.8 ล้านปอนด์ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ถือเป็นหนึ่งในกองกลางที่เก่งที่สุดของโลกในปัจจุบัน เขาค่าตัวแพงสมราคา เพราะเขามีพรสวรรค์ ผลงาน และวัยที่ทำให้เขาเป็นนักเตะที่อนาคตไกล

แจ็ค กรีลิช

3.แจ็ค กรีลิช (แมนเชสเตอร์ ซิตี้) - 100 ล้านปอนด์

แจ็ค กรีลิช หรือ ชื่อเต็ม แจ็ค ปีเตอร์ กรีลิช (Jack Peter Grealish) กรีลิชเกิดที่เมืองโซลิฮัลล์ ประเทศอังกฤษ เกิดวันที่ 10 กันยายน ค.ศ. 1995 ทวดของเขาคือบิลลี แกร์ราตี อดีตนักเตะแอสตันวิลลาผู้คว้าแชมป์เอฟเอคัพปี 1905 พ่อของเขาก็เป็นแฟนคลับพันธุ์แท้ของสโมสร พาเขาไปชมเกมที่สนามตั้งแต่อายุ 4 ขวบ สิ่งนี้ปลูกฝังให้เขารักในสโมสรและใฝ่ฝันที่จะเป็นนักฟุตบอลอาชีพ

กรีลิช เริ่มเล่นฟุตบอลให้กับแอสตัน วิลลา ตั้งแต่อายุ 6 ขวบ เขาพัฒนาฝีเท้าอย่างรวดเร็วและกลายเป็นดาวรุ่งที่โดดเด่นในทีมเยาวชน และพัฒนาฝีมือจนขึ้นชุดใหญ่ในปี 2012 

กรีลิช เล่นในตำแหน่งปีกซ้าย มีสไตล์การเล่นที่คล่องแคล่ว ว่องไว เทคนิคดี และสามารถเลี้ยงตัดเข้าในเพื่อยิงประตูได้ กรีลิช กลายเป็นผู้เล่นตัวหลักของแอสตัน วิลลา เขานำทีมคว้าแชมป์ลีกแชมเปียนชิปในฤดูกาล 2018-19 และพาทีมกลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง

ในปี 2021 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทุ่มเงิน 100 ล้านปอนด์ เพื่อคว้าตัวกรีลิช ไปร่วมทีม และด้วยผลงานตอนนี้ที่เป็นที่ประจักษ์ของเหล่าๆแฟนทำให้เห็นได้เลยว่า กรีลิชคือดาวดวงใหม่ที่กำลังเปล่งแสงในวงการฟุตบอล ที่คุ้มค่ากับดีลค่าตัวในครั้งนี้อย่างมาก

โรเมลู ลูกากู

4.โรเมลู ลูกากู (เชลซี) - 97.5 ล้านปอนด์

โรเมลู ลูกากู (Romelu Lukaku) เกิดวันที่ 13 พฤษภาคม 1993 ในเมืองแอนต์เวิร์ป ประเทศเบลเยียม สืบเชื้อสายคองโก ครอบครัวของเขามีความผูกพันกับฟุตบอลอย่างลึกซึ้ง พ่อของเขา โรเจอร์ ลูกากู คืออดีตนักฟุตบอลอาชีพ เคยเล่นให้กับสโมสรต่างๆ ในเบลเยียม และเป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจให้ลูกชายของเขาใฝ่ฝันในการเล่นฟุตบอล 

ลูกากู เริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุ 5 ขวบ กับสโมสร Rupel Boom เขามีพรสวรรค์โดดเด่น ยิงประตูได้อย่างเฉียบคม และ ปี 2009 ได้ย้ายไปอยู่กับสโมสร Anderlecht ทีมใหญ่ในเบลเยียม 

ลูกากู เซ็นสัญญากับเชลซีในปี 2011 ถูกปล่อยยืมตัวไปเล่นกับ West Bromwich Albion และ Everton กลับมาสู่เชลซีในปี 2014

ย้ายไปเล่นกับ Inter Milan ในปี 2019 และย้ายกลับไปเชลซีในปี 2021 ด้วยค่าตัว 97.5 ล้านปอนด์ 

ลูกากู ขึ้นชื่อเรื่องความสามารถในการทำประตู เขาทำประตูได้มากกว่า 300 ประตู ตลอดอาชีพค้าแข้งของเขา เขาเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของทีมชาติเบลเยียม และเคยทำประตูได้ 25 ประตูในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2016/17

ลูกากู พูดได้ 5 ภาษา ไม่ว่าจะเป็น ฝรั่งเศส ดัตช์ สเปน อังกฤษ และโปรตุเกส เขามีพรสวรรค์ในการเรียนรู้ภาษา และสามารถสื่อสารได้อย่างคล่องแคล่ว

โรเมลู ลูกากู ย้ายทีมมาแล้ว 5 ครั้ง ค่าตัวรวมในการย้ายทีมทั้งหมด อยู่ที่ประมาณ 288.8 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นนักเตะที่มีค่าตัวรวมในการย้ายทีมแพงที่สุดในโลก

ปอล ป็อกบา

5.ปอล ป็อกบา (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด) - 89 ล้านปอนด์

ปอล ป็อกบา (Paul Labile Pogba) เกิดวันที่ 15 มีนาคม 1993 ในเมืองลาญี-ซูร์-มาร์น ประเทศฝรั่งเศส ครอบครัวของเขามีเชื้อสายกินี พ่อของเขาชื่อฟาสซู อันโตนิโอ ป็อกบา และแม่ของเขาชื่อเยโอ โมริบา ป็อกบาเริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุ 6 ขวบ กับสโมสร RUAISY-EN-BRIE 

เขาผ่านอะคาเดมี่ของสโมสร Le Havre ก่อนที่จะย้ายไปแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในปี 2009

ป็อกบา ไม่ได้ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของแมนยูฯ มากนัก เขาจึงถูกปล่อยตัวไปยูเวนตุสแบบฟรีๆ ในปี 2012

ป็อกบาประสบความสำเร็จอย่างมากกับยูเวนตุส เขาคว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา 4 สมัย และโกปปา อิตาเลีย 2 สมัย

ในปี 2016 ป็อกบาย้ายกลับมาแมนยูฯ ด้วยค่าตัว 89 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นสถิติโลกในเวลานั้น ป็อกบา คว้าแชมป์ยูโรปาลีกกับแมนยูฯ ในปี 2017 ป็อกบาย้ายกลับไปยูเวนตุสอีกครั้งแบบฟรีๆ ในปี 2022

ป็อกบา เป็นหนึ่งในกองกลางที่ค่าตัวแพงที่สุดในโลก มีสไตล์การเล่นที่ดุดัน เทคนิคดี และ พลังการยิงเยี่ยม

ป็อกบาสามารถพูดได้ 4 ภาษา คือ ฝรั่งเศส อังกฤษ อิตาลี และสเปน เป็นที่รักของแฟนบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดและยูเวนตุส มีมูลนิธิส่วนตัวเพื่อช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาส แต่ยังมีข้อถกเถียง ฟอร์มการเล่นไม่สม่ำเสมอ มักถูกวิจารณ์ว่าเล่นไม่คุ้มค่าตัว มีปัญหากับผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด แต่อย่างไรก็ตามก็ยังมีเวลาในการพัฒนาฝึเท้าไปได้อีก ต้องรอดูกันอีกต่อไป

พรีเมียร์ลีก 2023/24 — ผลกระทบของค่าตัวแพงมีอะไรบ้าง ?

นักเตะที่ได้รับค่าตัวแพง แน่นอนความคาดหวังที่ได้รับย่อมสูงตามไปด้วย ผลกระทบที่ได้รับจากการซื้อตัวนักเตะมาราคาแพงสูงลิ่วมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย..

ด้านบวก 

  1. การยกระดับความแข็งแกร่งของทีม : การทุ่มเงินซื้อนักเตะค่าตัวแพง ช่วยให้ทีมสามารถเสริมทัพด้วยผู้เล่นที่มีความสามารถสูง ส่งผลต่อผลงานของทีมโดยรวม ยกระดับผลงานทีมให้ดีขึ้น ลุ้นแชมป์หรือคว้าตั๋วไปเล่นในรายการยุโรป

  2. การดึงดูดแฟนบอล : นักเตะค่าตัวแพงมักเป็นดาวดังที่มีชื่อเสียง โด่งดัง ดึงดูดแฟนบอลให้เข้ามาติดตามทีมมากขึ้น เพิ่มยอดขายเสื้อ รายได้จากตั๋วเข้าชม และอื่นๆ

  3. การพัฒนาลีก : การดึงดูดนักเตะระดับโลกมาเล่นในพรีเมียร์ลีก ช่วยพัฒนาระดับของลีกโดยรวม เพิ่มความน่าสนใจ ดึงดูดผู้ชม และสปอนเซอร์

  4. อนาคต : คาดการณ์ว่าค่าตัวนักเตะจะยังคง พุ่งสูงขึ้น อย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ เออร์ลิง ฮาลันด์ กองหน้าแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ถูกประเมินค่าตัวสูงถึง 170 ล้านยูโร หรืออาจกว่านั้น เนื่องจากมีหลายๆสโมสรจับจ้องผลงานและต้องการตัวอย่างมากในตลาดตอนนี้

ด้านลบ

  1. ความกดดัน : นักเตะค่าตัวแพงมักถูกคาดหวังสูง กดดันให้ต้องเล่นได้ดี ประสบความสำเร็จ ส่งผลต่อสภาพจิตใจและฟอร์มการเล่น

  2. การเสียสมดุลทางการเงิน : การทุ่มเงินซื้อนักเตะค่าตัวแพง ส่งผลต่อสภาพคล่องทางการเงินของสโมสร เกิดปัญหาหนี้สิน

  3. แรงผลักดัน : ปัจจัยหลักที่ทำให้ค่าตัวนักเตะสูงขึ้นเรื่อยๆ มาจาก เงินทุนมหาศาล ของสโมสรใหญ่, การแข่งขัน แย่งชิงตัวผู้เล่นดาวรุ่ง, การตลาด และ ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด

  4. ความเสี่ยง : การซื้อขายนักเตะด้วยค่าตัวสูงไม่ได้รับประกันความสำเร็จเสมอไป

  5. การแข่งขันสูง : ตลาดซื้อขายนักเตะที่มีราคาสูงส่งผลต่อ ระบบเศรษฐกิจ ของวงการฟุตบอล สโมสรเล็กๆ อาจเสียเปรียบในการแข่งขัน ตลาดซื้อขายนักเตะในพรีเมียร์ลีกมีการแข่งขันสูง ราคาของนักเตะมีแนวโน้มสูงขึ้น 

อย่างไรก็ตามเราจะเห็นได้ว่าสโมสรใหญ่ๆเลือกดึงตัวนักเตะเก่งๆและมีศักยภาพมาด้วยจำนวนเงินมหาศาล ซึ่งอาจจะเป็นการลงทุนที่เสี่ยง แต่ก็อาจจะคุ้มค่าต่อภาพลักษณ์ของสโมสร และในทางกลับกันยังบอกได้อีกว่าอาจจะสร้างความกดดันให้นักเตะมากเนื่องจากมีความคาดหวังสูงจากทีม และแฟนๆ 

ทั้งนี้เราก็ต้องติดตามดูต่อไปว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงใหม่ๆบ้างในวงการพรีเมียร์ลีก นอกจากการซื้อตัวนักเตะแล้ว อาจจะเปลี่ยนเป็นนำเงินไปเป็นทุนเพื่อปั้นดาวรุ่งหน้าใหม่เองก็เป็นไปได้  

ข้อมูลอัพเดทอาจมีการปรับเปลี่ยนไปตามข่าว ณ ปัจจุบัน ติดตามบทความใหม่ๆอัพเดทก่อนใครได้ ที่นี่!